ความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจ และบรรษัทภิบาล

ประเด็นด้านบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจเป็นหนึ่งในมิติด้านความยั่งยืนที่มีความสำคัญและได้รับความสนใจจากสาธารณชน เนื่องจากเป็นปัจจัยที่ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานขององค์กรให้ตรงตามเป้าหมาย และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด บริษัทจึงให้ความสำคัญโดยได้ดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับความโปร่งใส เป็นธรรมและมีจริยธรรม ตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี คำนึงถึงการดำเนินธุรกิจโดยเคารพสิทธิมนุษยชนของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม การจัดการห่วงโซ่อุปทาน การรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน และการบริหารจัดการความเสี่ยง โดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาพัฒนาการบริการ ควบคู่กับการรักษาความปลอดภัยและคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของข้อมูล เพื่อสร้างความพึงพอใจและความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ซึ่งนำไปสู่การสร้างความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว

เป้าหมายการจัดการด้านความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจและบรรษัทภิบาล

ผลการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจ

คุณภาพการให้บริการ

โรงพยาบาลในเครือให้ความสำคัญกับต่อความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นอันดับแรก จึงจัดให้มีกระบวนการ กำหนดนโยบายควบคุมคุณภาพการให้บริการด้านสุขภาพและแนวทางการดำเนินงานภายในองค์กรที่สอดคล้องกับมาตรฐานทั้งในระดับประเทศ และระดับสากล เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่สามารถเกิดขึ้นอาจเกิดขึ้นต่อผู้ป่วยและองค์กร ดังนั้นบริษัทจึงมีแนวทางในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง และสม่ำเสมอ โดยได้มีการนำระบบคุณภาพต่างๆ มาใช้ในกระบวนการดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง เช่น ระบบมาตรฐานคุณภาพโรงพยาบาลระดับประเทศ Hospital Accreditation (HA) จากสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล และมาตรฐานคุณภาพโรงพยาบาลระดับสากล Joint commission International (JCI)

10

โรงพยาบาล

4

โรงพยาบาล


ความพึงพอใจของลูกค้า

บริษัทเล็งเห็นถึงโอกาสในการพัฒนาธุรกิจผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลความเห็นของลูกค้า และพัฒนาความพึงพอใจของผู้ใช้บริการโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง โดยการประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้บริการใช้ตัวชี้วัดการประเมินด้วยหลักการ H A P P Y ครอบคลุมทั้งหมด 5 ด้าน

ความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ94.8%

การกลับมาใช้บริการ 97.3%


การสื่อสารนโยบายและระเบียบปฏิบัติด้านการต่อต้านการทุจริต

บริษัทจัดให้มีนโยบายต่อต้านการคอร์รัปชัน คู่มือปฏิบัติในการต่อต้านคอร์รัปชัน และนโยบายแจ้งเบาะแสและข้อร้องเรียนเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อให้คณะกรรมการบริษัทผู้บริหารและพนักงานทุกระดับรับทราบและยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

คณะกรรมการบริษัท และผู้บริหารระดับสูง

ได้รับการสื่อสารและอบรมเรื่องการ ต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน

100%


การจัดการห่วงโซ่อุปทาน

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั่วทั้งโลกได้เผชิญความท้าทายของสถานการณ์โควิด-19 รวมทั้งมีเหตุการณ์สงครามยูเครน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อภาคธุรกิจ ในส่วนของการขาดแคลนสินค้า ราคาวัตถุดิบที่เปลี่ยนแปลง รวมไปถึงความสามารถในการจัดส่งสินค้าได้ตามกำหนดเวลา ดังนั้น บริษัทจึงจำเป็นจะต้องมีการปรับตัว และบริหารจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกิดขึ้น ทั้งการจัดการบริหารงานโรงพยาบาลทั้งภายในและภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหารห่วงโซ่อุปทาน อาทิ การวางแผนจัดหาสินค้าให้ได้รับตรงต่อเวลา การบริหารความสัมพันธ์ และกระบวนการทำงานร่วมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย

บริษัทจึงได้นำแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่คำนึงถึงประเด็นด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และบรรษัทภิบาล (ESG) เข้ามาบูรณาการเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินธุรกิจตลอดห่วงโซ่อุปทาน และให้ความสำคัญกับการปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้เสียของบริษัท โดยมีแนวการทางดำเนินงานที่คำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียตลอดห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำ จนถึงปลายน้ำ ซึ่งจะเป็นการช่วยเพิ่มโอกาส ลดความเสี่ยง และเป็นการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ

การประเมินความเสี่ยงที่ครอบคลุมประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลของคู่ค้า

บริษัทได้มีเกณฑ์การประเมินความยั่งยืนด้านการจัดการห่วงโซ่อุปทาน โดยครอบคลุมประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลของคู่ค้า ดังนี้

ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้านสิ่งแวดล้อมรวมทั้งจัดโครงการ และ / หรือกิจกรรมเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม
ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านแรงงาน และสิทธิมนุษยชนการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมและการพัฒนาบุคคลากร
การกำกับดูแลกิจการที่ดีของคู่ค้า มีการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้อง

ทั้งนี้ ในปี 2566 บริษัทได้ประเมินเฉพาะคู่ค้าสำคัญ 3 อันดับแรกของคู่ค้าหมวดยาและเวชภัณฑ์ และได้ประเมินคู่ค้าสำคัญหมวดเครื่องมือแพทย์และหมวดสินค้าจัดซื้อทั่วไปเพิ่มเติมอีกจำนวน 7 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567)โดยผลการประเมินอยู่ในระดับที่ไม่มีความเสี่ยงที่ครอบคลุมประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลอย่างมีนัยยะสำคัญจากคู่ค้า

การตรวจประเมินและเข้าเยี่ยมคู่ค้า

การตรวจประเมินและเข้าเยี่ยมลูกค้าของบริษัทจะดำเนินการกับคู่ค้าหลักและคู่ค้าที่มีความเสี่ยงสูงเป็นลำดับต้น ๆ และจะดำเนินการเข้าเยี่ยมคู่ค้าโดยตรงรายอื่นเป็นลำดับถัดไปและเมื่อเข้าเยี่ยมการตรวจประเมินคู่ค้าแล้ว ทางคู่ค้าจะต้องแจ้งกลับแผนและแนวทางปฏิบัติเพื่อแก้ไขสิ่งที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดและคำขอให้ดำเนินการแก้ไข (Corrective Action Request) ที่ได้รับแก่บริษัท การติดตามการปฏิบัติตามจรรยาบรรณการดำเนินธุรกิจของคู่ค้า (Supplier Code of Conduct) ซึ่งครอบคลุมประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และ/หรือบรรษัทภิบาล โดยมีขั้นตอนในการปฏิบัติงาน ดังนี้

  • การจัดเตรียมเอกสารก่อนเข้าประเมิน
  • การตรวจประเมินผ่านการตรวจสอบเอกสาร การสัมภาษณ์คู้ค้า และการเยี่ยมชมกิจการ
  • รายงานการตรวจประเมินผ่านเกณฑ์การให้คะแนนของบริษัท รวมทั้งสรุปรายงานสิ่งที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดและคำขอให้ดำเนินการแก้ไข เพื่อการพัฒนาปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น
  • การตรวจติดตามแก้ไขทั้งการตรวจสอบเอกสารและการเข้าเยี่ยมชมกิจการในครั้งถัดไป

การมีส่วนร่วมพัฒนาการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของคู่ค้า

การเข้าร่วมอบรม/สัมมนาเพื่อพัฒนาความรู้ความสามารถของบุคลากร

คู่ค้าสำคัญของบริษัทโดยตรง

32 ราย

คู่ค้าสำคัญที่ไม่ได้ทำธุรกิจกับบริษัทโดยตรง

39 ราย

คู่ค้าทั้งหมดของบริษัท

618 ราย

สัดส่วนคู่ค้าที่ ได้รับการประเมิน

100%


นวัตกรรมและเทคโนโลยี

Telehospital

โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ศรีบุรินทร์ ได้คิดค้นและพัฒนาระบบ Telehospital หรือระบบแพทย์ทางไกลขึ้นตั้งแต่ปี 2565 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาระหว่างเครือข่ายโรงพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ศรีบุรินทร์ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ แม่สาย และคลินิกเกษมราษฎร์ ศรีบุรินทร์ เชียงแสน

โดยโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ศรีบุรินทร์ ที่มีความพร้อมของบุคลากรทางการแพทย์และการรักษาโรคซับซ้อนสามารถให้บริการระบบแพทย์ทางไกลเพื่อรักษาโรคให้แก่ผู้ป่วยในสาขาอื่น ๆ ที่ขาดแคลนแพทย์ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งสามารถลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางลงได้อย่างมาก รวมถึงเป็นการแก้ปัญหาการขาดแคลนแพทย์ เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลโดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ลดระยะการเดินทางของแพทย์

129

กิโลเมตรต่อวัน

ลดเวลาในการเดินทางของแพทย์

2

ชั่วโมงต่อวัน

ลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจากการเดิน

8.6

ลิตรต่อวัน

ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

19.24

กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อวัน

เพิ่มการเข้าถึงการรักษาโรคเฉพาะทางของผู้ป่วย บริเวณชายแดนไทย - เมียนมา